ได้ครับ
เพื่อความสะดวก ขอแยกเป็นแบบนี้แล้วกันครับ
(4)
=IFERROR(....(3).....,"")
(3)
INDEX(Sheet1!B$1:B$7,....(2).......)
(2)
SMALL(....(1)......,ROWS($B$3:B3))
(1)
IF($B$2=Sheet1!$A$1:$A$7,ROW(Sheet1!$A$1:$A$7)-ROW(Sheet1!$A$1)+1)
เริ่มจาก (1) ก่อนนะครับ: สูตรนี้เป็นการตรวจสอบว่า B2 มีเลขบิลตรงกับข้อมูลในฐานข้อมูลตำแหน่งใดบ้าง ($B$2=Sheet1!$A$1:$A$7) หากตรงก็ True ไม่ตรงก็ False หากตำแหน่งไหนเป็น True ก็ให้คืนค่าด้วยลำดับ
ROW(Sheet1!$A$1:$A$7)-ROW(Sheet1!$A$1)+1
ซึ่งหากเอาเม้าส์ลากคลุมช่วงสูตรนี้ แล้วกด F9 ดู ก็จะเห็นว่ามันเป็นลำดับ {1,2,3,4,5,6,7}
สมมติว่า เลขบิลไปตรงกับข้อมูลลำดับที่ 3 และ 6 สูตร IF ก็จะคำนวณได้ว่า
{FALSE,FALSE,3,FALSE,FALSE,6,FALSE}
เพื่อเอาไปใช้ประโยชน์ต่อในสูตรที่ 2
(2) Small(Array1,k) จะเลือกค่าน้อยที่สุดใน Array1 เป็นอันดับที่ k ครับ ถ้าเอาจากข้อ (1) สูตร Small จะมองเห็นอยู่ 2 ค่าคือ 3 และ 6 เราก็ใช้วิธีเลือกค่าน้อยด้วยสูตร Rows() เพราะสูตรนี้จะนับจำนวนแถว เราก็ใช้ประโยชน์จากการใช้เครื่องหมาย $ เพื่อล็อคตำแหน่ง เวลาเราคัดลอกสูตรลงมาจำนวนแถวก็จะเพิ่มทีละ 1 ก็จะบังคับให้สูตร Small เลือกค่าน้อยที่สุดเป็นลำดับที่ 1, 2, ... ไปเรื่อยๆ ตามจำนวนแถวที่คัดลอกสูตรลงไป
ค่าน้อยที่สุดที่ได้จะเอาไปใช้ในสูตร Index
(3) Index(Array2,m) สูตรนี้จะแสดงข้อมูลใน Array2 ที่อยู่ในลำดับที่ m ครับ เช่น สมมติว่าข้อมูลของคุณคือ
INDEX({"เครื่องเขียน","ปากกา","ลิควิด","เครื่องเขียน","อุปกรณ์","ปากกา","ยางลบ"},3)
สูตร Index ก็จะแสดง "ลิควิด" เพราะเป็นข้อมูลที่อยู่ในอันดับที่ 3
(4) Iferror ใช้เพื่อเอาไว้ดักค่าผิดพลาดจากสูตร Small ครับ เช่นจากตัวอย่างข้างต้น มีตัวเลขแค่ 3 และ 6 ให้เลือก แต่หากคัดลอกสูตรไปยังบรรทัดที่ 3 สูตร Small ก็จะหาตัวเลขที่น้อยที่สุดเป็นลำดับที่ 3 ไม่เจอเพราะไม่มี ทำให้ได้ค่าผิดพลาดจึงต้องใช้สูตรนี้เพื่อดักเอาไว้ โดยหากเจอค่าผิดพลาดก็ให้แสดงค่าว่าง "" แทน
ส่วนการใช้เครื่องหมาย $ ลองทดสอบเล่นดูนะครับ เช่น คีย์ที่ C3
=M1
แล้วกด F4 (จะวนได้เป็น $M$1 --> M$1 --> $M1 --> M1) ลองดูแต่ละแบบโดยคัดลอกไปทั้ง 4 ทิศ แล้วสังเกตผล