:D snasui.com ยินดีต้อนรับ :D
ยินดีต้อนรับสู่กระดานถามตอบ Excel and VBA และอื่น ๆ ที่เป็นมิตรกับทุกท่าน มีไฟล์แนบมหาศาล ช่วยให้ท่านค้นหาและติดตามศึกษาได้โดยง่าย :thup: สมาชิกท่านใดที่ยังไม่ได้ระบุ Version ของ Excel ที่ใช้งานจริง สามารถทำตาม Link นี้เพื่อจะได้รับคำตอบที่ตรงกับ Version ของท่านครับ :arrow: ระบุ Version ของ Excel
:!: โปรดทราบ :!:
  1. กรุณาอ่านกฎการใช้บอร์ด (Forum rules) ในตำแหน่งด้านบนของแต่ละบอร์ด
  2. การสมัครสมาชิก การ Login การกู้คืนรหัสผ่าน
    1. สมัครสมาชิกดูขั้นตอนได้ที่ :arrow: สมัครสมาชิก
    2. Login เข้าระบบโดยคลิกปุ่ม Login ตรงมุมขวาบนของหน้านี้ :roll:
    3. การ Login ผ่าน Facebook ดูวิธีที่ :arrow: Login ผ่าน Facebook
    4. ลืมรหัสผ่านสามารถรับรหัสใหม่ได้ที่ :arrow: Reset รหัสผ่าน
  3. มีปัญหาการใช้งาน แจ้งผู้ดูแลระบบได้ที่ :arrow: ติดต่อผู้ดูแลระบบ
  4. กำหนดการตั้งค่าส่วนตัว เช่นตั้งค่าภาษาเป็นไทยหรืออังกฤษดูได้ที่ :arrow: ตั้งค่าส่วนตัว
  5. การตั้งและตอบกระทู้ดูได้ที่ :arrow: วิธีการตั้งและตอบกระทู้
  6. การจัดรูปแบบตัวอักษรด้วย bbcode ในช่องแสดงความคิดเห็นดูได้ที่ :arrow: จัดรูปแบบตัวอักษร
  7. กำหนดขนาดตัวอักษรใน Browser ดูได้ที่ :arrow: กำหนดขนาดตัวอักษรใน Browser

การใช้ Match 3 เงื่อนไข

ฟอรัมถาม-ตอบปัญหาการใช้งาน MS Excel and VBA
Forum rules
  1. ไม่อนุญาตให้ใช้ภาษาแชทในการถามและตอบปัญหา ไม่ใช้คำว่า "คับ" หรือ "อ่ะครับ" แทนคำว่า "ครับ" ไม่ใช้คำว่า "เด๋ว" แทนคำว่า "เดี๋ยว" เป็นต้น เนื่องจากเมื่อแปลเป็นภาษาต่างประเทศแล้วจะให้ความหมายผิดไปจากที่ควรจะเป็น
  2. ห้ามถามโดยระบุชื่อผู้ตอบและต้องตั้งชื่อกระทู้ให้สื่อถึงปัญหาที่จะถาม ไม่ตั้งชื่อว่า ช่วยด้วยครับ, มีปัญหามาปรึกษาครับ เป็นต้น
  3. กรุณาอธิบายปัญหาและระบุคำตอบที่ต้องการมาในกระทู้ด้วยเสมอถึงแม้จะอธิบายไว้ในไฟล์แนบแล้วก็ตาม ทั้งนี้เพื่ออำนวยความสะดวกแก่เพื่อนสมาชิกในการค้นหาข้อมูล
  4. กรุณาแนบไฟล์ตัวอย่างพร้อมแสดงคำตอบที่ถูกต้องมาในไฟล์ด้วยเพื่อให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจและสะดวกต่อการตอบคำถาม (ขนาดไฟล์ไม่เกิน 500Kb ขนาดภาพไม่เกิน 800*600 Pixel) ไม่แนบเป็น Link มาจากแหล่งอื่นที่อาจจะถูกลบทิ้งไปโดยต้นทางในภายหลัง นอกจากนี้ไม่ควรแนบไฟล์ที่มีข้อมูลสำคัญอันก่อให้เกิดความเสียหายกับตนเองและผู้อื่น
  5. กรณีเป็นคำถามเกี่ยวกับ Programming เช่น VBA, VB.Net, C#, SQL ฯลฯ ต้องลองเขียนมาเองก่อนเสมอ ถามเฉพาะที่ติดปัญหา ระบุ Module, Procedure ที่ติดปัญหาให้ชัดเจน กรุณาโพสต์ Code ให้แสดงเป็น Code คือเปิดด้วย [code] และปิดด้วย [/code] ตัวอย่างเช่น [code]dim r as range[/code] เพื่อให้แตกต่างจากข้อความทั่วไป สะดวกในการอ่านและทดสอบ (คลิกเพื่อดูตัวอย่าง)
  6. กรุณาแจ้งผลการใช้งานเมื่อได้รับคำตอบว่าตรงกับความต้องการหรือไม่
visarut
Member
Member
Posts: 33
Joined: Sun May 27, 2012 10:47 am

การใช้ Match 3 เงื่อนไข

#1

Post by visarut »

จากเอกสารแนบ ที่ตำแหน่ง D3, Sheet Master_sch ตอนทำ 2 เงื่อนไข ได้คำตอบ แต่พอทำ Match 3 เงื่อนไข แต่ค่าไม่แสดงคำตอบ ขอคำชี้แนะด้วยครับ
You do not have the required permissions to view the files attached to this post.
User avatar
snasui
Site Admin
Site Admin
Posts: 30919
Joined: Sun Jan 24, 2010 12:33 pm
Location: Songkhla, Thailand
Excel Ver: 2010, 365
Contact:

Re: การใช้ Match 3 เงื่อนไข

#2

Post by snasui »

:D ช่วยอธิบายเงื่อนไขทั้งหมดมาด้วยครับ
visarut
Member
Member
Posts: 33
Joined: Sun May 27, 2012 10:47 am

Re: การใช้ Match 3 เงื่อนไข

#3

Post by visarut »

snasui wrote::D ช่วยอธิบายเงื่อนไขทั้งหมดมาด้วยครับ
ขออภัยครับอาจารย์
เงื่อนไขคือ ต้องการให้ช่อง D2 ถึง D291 แสดงคำตอบที่ตรงกับ Sheet prod_cal โดย ดูข้อมูลจากตำแหน่ง $A1,$B$1,$B2 ของ Sheet Master_sch
You do not have the required permissions to view the files attached to this post.
User avatar
snasui
Site Admin
Site Admin
Posts: 30919
Joined: Sun Jan 24, 2010 12:33 pm
Location: Songkhla, Thailand
Excel Ver: 2010, 365
Contact:

Re: การใช้ Match 3 เงื่อนไข

#4

Post by snasui »

:D ที่ D2 ปรับสูตรเป็นด้านล่างครับ

=INDEX(prod_cal!$A$1:$Q$1000,MATCH(1,IF(prod_cal!$A$2:$A$1000=$A2,IF(prod_cal!$B$2:$B$1000=$B2,1)),0),MATCH(B$1,prod_cal!$A$1:$AZ$1,0))

Ctrl+Shift+Enter > Copy ไปด้านขวาและลงด้านล่าง

!
Note: Ctrl+Shift+Enter หมายถึงเมื่อคีย์สูตรแล้ว แทนที่จะกด Enter ให้กดแป้น Ctrl+Shift ค้างไว้แล้วกด Enter เพื่อสร้างเป็นสูตร Array หากกดแป้นถูกต้องสูตรนั้นจะมีเครื่องหมายปีกกาครอบ เช่น {=YourFormulas(...)} ปีกกานี้คีย์เข้าไปเองไม่ได้ ถ้ายังไม่เห็นปีกกาครอบสูตรแสดงว่ากดแป้นให้รับสูตรไม่ถูกต้อง
visarut
Member
Member
Posts: 33
Joined: Sun May 27, 2012 10:47 am

Re: การใช้ Match 3 เงื่อนไข

#5

Post by visarut »

snasui wrote::D ที่ D2 ปรับสูตรเป็นด้านล่างครับ

=INDEX(prod_cal!$A$1:$Q$1000,MATCH(1,IF(prod_cal!$A$2:$A$1000=$A2,IF(prod_cal!$B$2:$B$1000=$B2,1)),0),MATCH(B$1,prod_cal!$A$1:$AZ$1,0))

Ctrl+Shift+Enter > Copy ไปด้านขวาและลงด้านล่าง

!
Note: Ctrl+Shift+Enter หมายถึงเมื่อคีย์สูตรแล้ว แทนที่จะกด Enter ให้กดแป้น Ctrl+Shift ค้างไว้แล้วกด Enter เพื่อสร้างเป็นสูตร Array หากกดแป้นถูกต้องสูตรนั้นจะมีเครื่องหมายปีกกาครอบ เช่น {=YourFormulas(...)} ปีกกานี้คีย์เข้าไปเองไม่ได้ ถ้ายังไม่เห็นปีกกาครอบสูตรแสดงว่ากดแป้นให้รับสูตรไม่ถูกต้อง

ผมลองใส่สูตรตามที่อาจารย์ให้มาปรากฎว่า ค่าที่ได้ไม่ตรง(อาจเป็นเพราะ sheet prod_cal มีแถว day อยู่หรือเปล่าครับ) ค่าที่ได้ตามเอกสารแนบครับ
รบกวนสอบถามความหมายของสูตรด้านบนเพิ่มเติม ต้องอ่านความหมายอย่างไรครับ
You do not have the required permissions to view the files attached to this post.
User avatar
snasui
Site Admin
Site Admin
Posts: 30919
Joined: Sun Jan 24, 2010 12:33 pm
Location: Songkhla, Thailand
Excel Ver: 2010, 365
Contact:

Re: การใช้ Match 3 เงื่อนไข

#6

Post by snasui »

:D ปรับสูตรเป็นตามด้านล่างครับ

=INDEX(prod_cal!$A$2:$AZ$1000,MATCH(1,IF(prod_cal!$A$2:$A$1000=$A2,IF(prod_cal!$B$2:$B$1000=$B2,1)),0),MATCH(B$1,prod_cal!$A$1:$AZ$1,0))
visarut
Member
Member
Posts: 33
Joined: Sun May 27, 2012 10:47 am

Re: การใช้ Match 3 เงื่อนไข

#7

Post by visarut »

ขอบพระคุณครับอาจารย์ รบกวนอาจารย์ช่วยชี้แนะความหมายของสูตรเพื่อเป็นความรู้ครับ
User avatar
snasui
Site Admin
Site Admin
Posts: 30919
Joined: Sun Jan 24, 2010 12:33 pm
Location: Songkhla, Thailand
Excel Ver: 2010, 365
Contact:

Re: การใช้ Match 3 เงื่อนไข

#8

Post by snasui »

:D ไม่เข้าใจสูตรไหนให้ถามเป็นสูตร ๆ ไปครับ
visarut
Member
Member
Posts: 33
Joined: Sun May 27, 2012 10:47 am

Re: การใช้ Match 3 เงื่อนไข

#9

Post by visarut »

snasui wrote::D ไม่เข้าใจสูตรไหนให้ถามเป็นสูตร ๆ ไปครับ
สูตรนี้ครับอาจารย์
MATCH(1,IF(prod_cal!$A$2:$A$1000=$A2,IF(prod_cal!$B$2:$B$1000=$B2,1)),0),MATCH(B$1,prod_cal!$A$1:$AZ$1,0))

1. ทำไมถึงมี 1 หลัง Match อ่านความหมายได้ว่าอย่างไรครับ
2. ทำไมจึงเลือกใช้ คำสั่ง if หลังเลข 1
3. สูตรที่ผมใส่มาตอนแรกโดยการใช้ Match 3 ครั้ง ไม่สามารถใช้ในการสร้างสูตรได้หรือครับ หรือผมเขียนสูตรผิดครับอาจารย์
User avatar
snasui
Site Admin
Site Admin
Posts: 30919
Joined: Sun Jan 24, 2010 12:33 pm
Location: Songkhla, Thailand
Excel Ver: 2010, 365
Contact:

Re: การใช้ Match 3 เงื่อนไข

#10

Post by snasui »

:D ตอบข้อ 1, 2 เป็นการ Match แบบ 2 เงื่อนไขครับ

จากสูตร

MATCH(1,IF(prod_cal!$A$2:$A$1000=$A2,IF(prod_cal!$B$2:$B$1000=$B2,1)),0)

หมายถึงให้หาค่า 1 ว่าอยู่ในลำดับที่เท่าไรของ IF(prod_cal!$A$2:$A$1000=$A2,IF(prod_cal!$B$2:$B$1000=$B2,1))

จากสูตร

IF(prod_cal!$A$2:$A$1000=$A2,IF(prod_cal!$B$2:$B$1000=$B2,1))

หมายถึง หาก prod_cal!$A$2:$A$1000=$A2 เป็นจรีงให้แสดงผลลัพธ์ของ IF(prod_cal!$B$2:$B$1000=$B2,1)

จากสูตร

IF(prod_cal!$B$2:$B$1000=$B2,1)

หมายถึง หาก prod_cal!$B$2:$B$1000=$B2 เป็นจรีงให้แสดงเลข 1 ถ้าไม่เป็นจริงให้แสดงค่า False

สูตรพวกนี้เป็นสูตร Array ที่ผมอธิบายจะต้องแทนค่าสูตรจากด้านหลังไปด้านหน้า หรือจากคำอธิบายนี้ให้แทนค่าจากล่างขึ้นบน

การแกะสูตรให้คลุมส่วนทีสนใจแล้วกดแป้น F9 เพื่อดูผลลัพธ์ หรือ คลิกที่เซลล์ที่มีสูตร > เข้าเมนู Evaluate Formula > แล้วคลิก Evaluate ไปเรื่อย ๆ ตามต้องการจะเห็นการแสดลผลลัพธ์ของส่วนประกอบสูตร

ตอบข้อ 3 Index มีส่วนประกอบสำหรับการอ้างอิงถึงบรรทัดและคอลัมน์อย่างละ 1 ค่าเท่านั้น การใส่เข้าไป 3 ค่าจึงให้ค่าทีผิดพลาด

ฟังก์ชั่น Index มีไวยากรณ์คือ

=Index(Range,x,y)

หมายถึงใน Range ให้นำบรรทัดที่ x คอลัมน์ที่ y มาแสดง

เราไม่สามารถเขียนให้แสดงผลลัพธ์ของบรรทัดและคอลัมน์ด้วยการใช้

=Index(Range,x,y,z)

เพราะ z เป็นส่วนเกินของการทำงานลักษณะที่ถามมานี้
visarut
Member
Member
Posts: 33
Joined: Sun May 27, 2012 10:47 am

Re: การใช้ Match 3 เงื่อนไข

#11

Post by visarut »

snasui wrote::D ตอบข้อ 1, 2 เป็นการ Match แบบ 2 เงื่อนไขครับ

จากสูตร

MATCH(1,IF(prod_cal!$A$2:$A$1000=$A2,IF(prod_cal!$B$2:$B$1000=$B2,1)),0)

หมายถึงให้หาค่า 1 ว่าอยู่ในลำดับที่เท่าไรของ IF(prod_cal!$A$2:$A$1000=$A2,IF(prod_cal!$B$2:$B$1000=$B2,1))

จากสูตร

IF(prod_cal!$A$2:$A$1000=$A2,IF(prod_cal!$B$2:$B$1000=$B2,1))

หมายถึง หาก prod_cal!$A$2:$A$1000=$A2 เป็นจรีงให้แสดงผลลัพธ์ของ IF(prod_cal!$B$2:$B$1000=$B2,1)

จากสูตร

IF(prod_cal!$B$2:$B$1000=$B2,1)

หมายถึง หาก prod_cal!$B$2:$B$1000=$B2 เป็นจรีงให้แสดงเลข 1 ถ้าไม่เป็นจริงให้แสดงค่า False

สูตรพวกนี้เป็นสุตร Array ที่ผมอธิบายจะต้องแทนค่าสูตรจากด้านหลังไปด้านหน้า หรือจากคำอธิบายนี้ให้แทนค่าจากล่างขึ้นบน

การแกะสูตรให้คลุมส่วนทีสนใจแล้วกดแป้น F9 เพื่อดูผลลัพธ์ หรือ คลิกที่เซลล์ที่มีสูตร > เข้าเมนู Evaluate Formula > แล้วคลิก Evaluate ไปเรื่อย ๆ ตามต้องการจะเห็นการแสดลผลลัพธ์ของส่วนประกอบสูตร

ตอบข้อ 3 Index มีส่วนประกอบสำหรับการอ้างอิงถึงบรรทัดและคอลัมน์อย่างละ 1 ค่าเท่านั้น การใส่เข้าไป 3 ค่าจึงให้ค่าทีผิดพลาด

ฟังก์ชั่น Index มีไวยากรณ์คือ

=Index(Range,x,y)

หมายถึงใน Range ให้นำบรรทัดที่ x คอลัมน์ที่ y มาแสดง

เราไม่สามารถเขียนให้แสดงผลลัพธ์ของบรรทัดและคอลัมน์ด้วยการใช้

=Index(Range,x,y,z)

เพราะ z เป็นส่วนเกินของการทำงานลักษณะที่ถามมานี้
ขอบพระคุณอย่างสูงครับอาจารย์สำหรับความรู้ใหม่ อธิบายได้ชัดเจนมากครับ
visarut
Member
Member
Posts: 33
Joined: Sun May 27, 2012 10:47 am

Re: การใช้ Match 3 เงื่อนไข

#12

Post by visarut »

visarut wrote:
snasui wrote::D ตอบข้อ 1, 2 เป็นการ Match แบบ 2 เงื่อนไขครับ

จากสูตร

MATCH(1,IF(prod_cal!$A$2:$A$1000=$A2,IF(prod_cal!$B$2:$B$1000=$B2,1)),0)

หมายถึงให้หาค่า 1 ว่าอยู่ในลำดับที่เท่าไรของ IF(prod_cal!$A$2:$A$1000=$A2,IF(prod_cal!$B$2:$B$1000=$B2,1))

จากสูตร

IF(prod_cal!$A$2:$A$1000=$A2,IF(prod_cal!$B$2:$B$1000=$B2,1))

หมายถึง หาก prod_cal!$A$2:$A$1000=$A2 เป็นจรีงให้แสดงผลลัพธ์ของ IF(prod_cal!$B$2:$B$1000=$B2,1)

จากสูตร

IF(prod_cal!$B$2:$B$1000=$B2,1)

หมายถึง หาก prod_cal!$B$2:$B$1000=$B2 เป็นจรีงให้แสดงเลข 1 ถ้าไม่เป็นจริงให้แสดงค่า False

สูตรพวกนี้เป็นสุตร Array ที่ผมอธิบายจะต้องแทนค่าสูตรจากด้านหลังไปด้านหน้า หรือจากคำอธิบายนี้ให้แทนค่าจากล่างขึ้นบน

การแกะสูตรให้คลุมส่วนทีสนใจแล้วกดแป้น F9 เพื่อดูผลลัพธ์ หรือ คลิกที่เซลล์ที่มีสูตร > เข้าเมนู Evaluate Formula > แล้วคลิก Evaluate ไปเรื่อย ๆ ตามต้องการจะเห็นการแสดลผลลัพธ์ของส่วนประกอบสูตร

ตอบข้อ 3 Index มีส่วนประกอบสำหรับการอ้างอิงถึงบรรทัดและคอลัมน์อย่างละ 1 ค่าเท่านั้น การใส่เข้าไป 3 ค่าจึงให้ค่าทีผิดพลาด

ฟังก์ชั่น Index มีไวยากรณ์คือ

=Index(Range,x,y)

หมายถึงใน Range ให้นำบรรทัดที่ x คอลัมน์ที่ y มาแสดง

เราไม่สามารถเขียนให้แสดงผลลัพธ์ของบรรทัดและคอลัมน์ด้วยการใช้

=Index(Range,x,y,z)

เพราะ z เป็นส่วนเกินของการทำงานลักษณะที่ถามมานี้
ขอบพระคุณอย่างสูงครับอาจารย์สำหรับความรู้ใหม่ อธิบายได้ชัดเจนมากครับ

ผมลองประยุกต์ใช้ Match 4 เงื่อนไข

พบปัญหาคือ จากสูตรไม่แสดงคำตอบตามที่ต้องการ รบกวนขอคำแนะนำด้วยครับ
ผมต้องการให้ชีท cal ตำแหน่ง AE2 แสดงค่า จากชีท Table โดยอ้างอิงข้อมูลจากชีท cal ตำแหน่ง M2,AB2,AC2 และ AD2

ขอบคุณครับ
You do not have the required permissions to view the files attached to this post.
User avatar
snasui
Site Admin
Site Admin
Posts: 30919
Joined: Sun Jan 24, 2010 12:33 pm
Location: Songkhla, Thailand
Excel Ver: 2010, 365
Contact:

Re: การใช้ Match 3 เงื่อนไข

#13

Post by snasui »

:D ที่ชีท Cal เซลล์ AC2 ต้องเป็น กรุงเทพฯ ไม่ใช่ กรุงเทพมหานคร สูตรจึงจะให้คำตอบได้ถูกต้อง

ค่าที่ต่างกันเช่นนี้จะต้องมีการแก้ไขให้เหมือนกันเสียก่อน ไม่เช่นนั้นก็ Match กันไม่ได้ นอกจากนี้การเขียนสูตรใน Excel ให้หลีกเลี่ยงการอ้างทั้งคอลัมน์ มีข้อมูลแค่ไหนให้อ้างถึงแค่นั้นหรือเผื่อไว้เท่าที่เห็นว่าข้อมูลสามารถขยายไปถึง

เมื่อเปลี่ยนค่าในเซลล์ AC2 แล้วปรับสูตรใน AE2 เป็นด้านล่าง สังเกตช่วงเซลล์ด้วยว่าปรับจากของเดิมเป็นอย่างไรครับ

=INDEX(table!$A$2:$AZ$1000,MATCH(1,IF(table!$C$2:$C$1000=$M2,IF(table!$D$2:$D$1000=$AB2,IF(table!$E$2:$E$1000=$AC2,1))),0),MATCH(AD$2,LEFT(table!$A$1:$AZ$1,4)+0))

ช่วงที่ระบายสีแดงไว้ในสูตรเป็นการตัดค่าด้านหน้าของช่วง table!$A$1:$AZ$1 มา 4 อักขระ จากนั้นบวกด้วย 0 เพื่อให้กลับไปเป็น Number ที่ต้องทำเช่นนี้เพื่อให้ Match กันได้ ตัวเลขต้อง Match กับตัวเลข, Text ต้อง Match กับ Text ค่าที่เหมือนกันเท่านั้นจึงจะ Match กันได้ ไม่ใช่เอาค่าเดี่ยวไป Match กับช่วงเหมือนที่เขียนมา ช่วงที่เขียนแบบนั้นเป็น Text ไม่สามารถ Match กันได้ครับ
visarut
Member
Member
Posts: 33
Joined: Sun May 27, 2012 10:47 am

Re: การใช้ Match 3 เงื่อนไข

#14

Post by visarut »

snasui wrote::D ที่ชีท Cal เซลล์ AC2 ต้องเป็น กรุงเทพฯ ไม่ใช่ กรุงเทพมหานคร สูตรจึงจะให้คำตอบได้ถูกต้อง

ค่าที่ต่างกันเช่นนี้จะต้องมีการแก้ไขให้เหมือนกันเสียก่อน ไม่เช่นนั้นก็ Match กันไม่ได้ นอกจากนี้การเขียนสูตรใน Excel ให้หลีกเลี่ยงการอ้างทั้งคอลัมน์ มีข้อมูลแค่ไหนให้อ้างถึงแค่นั้นหรือเผื่อไว้เท่าที่เห็นว่าข้อมูลสามารถขยายไปถึง

เมื่อเปลี่ยนค่าในเซลล์ AC2 แล้วปรับสูตรใน AE2 เป็นด้านล่าง สังเกตช่วงเซลล์ด้วยว่าปรับจากของเดิมเป็นอย่างไรครับ

=INDEX(table!$A$2:$AZ$1000,MATCH(1,IF(table!$C$2:$C$1000=$M2,IF(table!$D$2:$D$1000=$AB2,IF(table!$E$2:$E$1000=$AC2,1))),0),MATCH(AD$2,LEFT(table!$A$1:$AZ$1,4)+0))

ช่วงที่ระบายสีแดงไว้ในสูตรเป็นการตัดค่าด้านหน้าของช่วง table!$A$1:$AZ$1 มา 4 อักขระ จากนั้นบวกด้วย 0 เพื่อให้กลับไปเป็น Number ที่ต้องทำเช่นนี้เพื่อให้ Match กันได้ ตัวเลขต้อง Match กับตัวเลข, Text ต้อง Match กับ Text ค่าที่เหมือนกันเท่านั้นจึงจะ Match กันได้ ไม่ใช่เอาค่าเดี่ยวไป Match กับช่วงเหมือนที่เขียนมา ช่วงที่เขียนแบบนั้นเป็น Text ไม่สามารถ Match กันได้ครับ
ขอบคุณครับอาจารย์ สำหรับข้อชี้แนะ
Post Reply