Excel Add-ins ที่พัฒนาโดยคุณสันติพงศ์ ณสุย (MVP Excel 2010-2020) ด้วยภาษา C# เพื่อแก้ไขปัญหาไฟล์ใหญ่ คำนวณนาน ทำงานช้า จัดการข้อมูลต่าง ๆ ที่ทำงานประจำวันได้อย่างสะดวกรวดเร็ว สนใจคลิกไปดูได้ที่นี่ครับ => Excel Tools
snasui.com ยินดีต้อนรับ 
สมาชิกท่านใดที่ยังไม่ได้ระบุ Version ของ Excel ที่ใช้งานจริง สามารถทำตาม Link นี้เพื่อจะได้รับคำตอบที่ตรงกับ Version ของท่านครับ 
ระบุ Version ของ Excel 
โปรดทราบ สมัครสมาชิก
Login ผ่าน Facebook Reset รหัสผ่าน ติดต่อผู้ดูแลระบบ ตั้งค่าส่วนตัว วิธีการตั้งและตอบกระทู้ จัดรูปแบบตัวอักษร กำหนดขนาดตัวอักษรใน Browser[code] และปิดด้วย [/code] ตัวอย่างเช่น [code]dim r as range[/code] เพื่อให้แตกต่างจากข้อความทั่วไป สะดวกในการอ่านและทดสอบ (คลิกเพื่อดูตัวอย่าง)
เป็นระบบ Security ของ Windows ที่จะไม่ให้เขียนทับไฟล์ในโฟลเดอร์ Program Files เพื่อความปลอดภัยของเครื่องผู้ใช้ ควรแยกไฟล์ออกมาไว้นอกโฟลเดอร์ Program Files จะดีกว่าครับ
การจัดการกับทศนิยมแบบไม่ปัดสำหรับฟังก์ชันใน Worksheet สามารถใช้ Rounddown(A1,2) หรือ Trunc(A1,2) เป็นการทศนิยมทิ้งไปให้เหลือเพียง 2 ตำแหน่งCode: Select all
Application.Rounddown(Range("A1"),2))Code: Select all
If Sheet26.Range("O22").Value = Sheet26.Range("E22").Value Then
frmDrop.Label137.Caption = "P"
frmDrop.Label137.Font = "Wingdings 2"
frmDrop.Label137.ForeColor = &HC000& 'ค่าสีผมลอกจากหน้าPropertyสีเขียว
Else
frmDrop.Label137.Caption = "X"
frmDrop.Label137.Font = "Tahoma"
frmDrop.Label137.ForeColor = &HFF& 'ค่าสีผมลอกจากหน้าPropertyสีแดง
End If
ลองปรับ Code เป็นตามด้านล่างครับ
Code: Select all
If Sheet26.Range("O22").Value = Sheet26.Range("E22").Value Then
frmDrop.Label137.Font = "Wingdings 2"
frmDrop.Label137.Caption = "P"
frmDrop.Label137.ForeColor = &HC000& 'ค่าสีผมลอกจากหน้าPropertyสีเขียว
Else
frmDrop.Label137.Font = "Tahoma"
frmDrop.Label137.Caption = "X"
frmDrop.Label137.ForeColor = &HFF& 'ค่าสีผมลอกจากหน้าPropertyสีแดง
End If
แหมลำดับความสำคัญผิดไป ก่อนหน้านี้ก็ใช้งาน Excel แทบทั้งวัน แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นเช่นนั้นแล้วครับ ExcelForum MrExcel
แก้ไขด้วยการเปลี่ยนเป็น Long อย่างที่คุณ Bufnet คิดไว้ได้เลยครับ เนื่องจาก Long จะอยู่ในช่วง -2,147,483,648 ถึง 2,147,483,647 ส่วน Integer อยู่ในช่วง -32,768 to 32,767 ซึ่งไม่พอใช้งานครับBafnet wrote:มีปัญหาครับ
เกิด Bug
ที่ r=r+1
ขณะที่ r=32768
ผมเข้าใจว่าน่าจะเป็นเพราะ Dim r AS Interger ผมอ่านจากหนังสือ
แก้ไขอย่างไรดีครับ
เข้าใจถูกแล้วครับ ค่าต่ำสุดก็จะขยายไปมากกว่าเดิม จึงไม่น่าจะมีผลกระทบจากการเปลี่ยนเป็น Integer เป็น Long ครับBafnet wrote:อาจารย์ครับ
ถ้า Dim r As Interger แล้วเปลี่ยนเป็น AS Long
จะมีผลกับที่บางคำสั่ง r สูงสุดเป็นแค่หลักสิบ หรือร้อย
หรือไม่มีผล เพราะการกำหนดว่า As Long
เป็นแค่การกำหนดจำนวนค่าของข้อมูลว่าสูงสุดรับได้เท่าไร
ดังนั้นจึงไม่มีปัญหากับค่าต่ำสุด
ถ้าจะมีก็คือค่าที่เกินค่าสูงสุดที่รับได้
เอ..เข้าใจถุกรึป่าว
จะร้องแล้วแก่ก็ร้องกันครางนี้ล่ะ ตรวจสอบว่าในฟอร์มต่าง ๆ ใช้ชื่อ Procedure ซ้ำกันหรือไม่ครับ และลองดูว่า Event MouseMove ใช้กับ Object ที่ชื่อว่า bSend หรือไม่ ช่วงกลางวันคงไม่สะดวกในการ Remote Desktop ครับ
นับเป็นเรื่องแปลกครับ สิ่งที่ฟ้องไม่ตรงกับสิ่งที่โปรแกรมกำลังเป็นBafnet wrote:รายงานความคืบหน้าครับ
ได้ไปเอาไฟล์งานที่ให้พนักงานทดลองใช้
ซึ่งไม่ได้เขียนคำสั่งใดๆเพิ่มเติม นอกจากการแก้ Interger เป็น Long
ปรากฎว่า Debug ลักษณะดังกล่าวครับ
และไฟล์ที่ไม่ได้แก้ Interger เป็น Long ไม่มีอาการดังกล่าว
ไม่มีปัญหาครับ แต่ถ้าใช้โดยไม่ประกาศก่อนตัวแปรนั้นจะเป็น Variant โดยอัตโนมัติBafnet wrote:1.การประกาศตัวแปรไว้แต่ไม่ได้ใช้มีผลกับคำสั่งนั้นรึเปล่าครับ เช่นบอกว่า Dim X As interger
แต่ในคำสั่งนั้นไม่มีคำสั่งใดๆที่ใช้ x เพราะบางทีคำสั่งที่คล้ายๆกันผมก็ลอกไปวาง แล้วเปลี่ยนคำสั่งแต่
ส่วนที่ประกาศตัวแปรบางทีก็ลืมลบ
สำหรับเรื่อง VBA และ Barcode ลองศึกษาตามนี้ดูครับBafnet wrote:2.อาจารย์พอจะแนะนำแหล่งความรู้เรื่อง barcode ได้ไหมครับ
ตอนนี้ผมมีฟอร์นบาร์โค๊ด ซึ่งนำไปทดสอบแล้ว ใช้ได้ครับ
แต่อยากรู้วิธีเขียน เช่นชุดข้อมูล+Enter ,ชุดข้อมูล+F7
ประมาณว่ายิงแล้วได้ข้อมูลตามที่ระบุพร้อม Enter
VBA and BarcodeยินดีครับBafnet wrote:ขออนุญาตนำ Link snasui.Com ใส่ในโปรแกรมนะครับ
มีเรื่องให้ตื่นตาตื่นใจมากมายCode: Select all
Private Sub CommandButton28_Click()
Dim ri As Range
If frmPro.ComboBox12.Value = "" Then
Exit Sub
End If
On Error Resume Next
Sheet21.Visible = xlSheetVisible
Sheet21.Activate
With Worksheets("Credit")
Set ri = .Range(.Range("BU1"), .Range("BZ65536") _
.End(xlUp)).SpecialCells(xlCellTypeVisible)
End With
ri.Select
Selection.EntireColumn.AutoFit
With Selection
.Borders(xlEdgeLeft).LineStyle = xlContinuous
.Borders(xlEdgeTop).LineStyle = xlContinuous
.Borders(xlEdgeBottom).LineStyle = xlContinuous
.Borders(xlEdgeRight).LineStyle = xlContinuous
.Borders(xlInsideHorizontal).LineStyle = xlContinuous
.Borders(xlInsideVertical).LineStyle = xlContinuous
End With
frmPro.Hide
ri.PrintPreview
frmPro.Show
Sheet21.Activate
Columns("BU:BZ").Select
Selection.Borders(xlDiagonalDown).LineStyle = xlNone
Selection.Borders(xlDiagonalUp).LineStyle = xlNone
Selection.Borders(xlEdgeLeft).LineStyle = xlNone
Selection.Borders(xlEdgeTop).LineStyle = xlNone
Selection.Borders(xlEdgeBottom).LineStyle = xlNone
Selection.Borders(xlEdgeRight).LineStyle = xlNone
Selection.Borders(xlInsideVertical).LineStyle = xlNone
Selection.Borders(xlInsideHorizontal).LineStyle = xlNone
Sheet21.Visible = xlSheetHidden
End Sub
ลองดู Code ด้านล่างว่าใช่ที่ต้องการหรือเปล่าครับ
Code: Select all
Sub SumLastCellToStartCell()
Dim r As Range
Set r = Range("BU" & Rows.Count).End(xlUp).Offset(1, 0)
r = "=sum(R1C:R[-1]C)"
r.Offset(0, 1) = "=sum(R1C:R[-1]C)"
r.Offset(0, 2) = "=sum(R1C:R[-1]C)"
r.Offset(0, 3) = "=sum(R1C:R[-1]C)"
r.Offset(0, 4) = "=sum(R1C:R[-1]C)"
r.Offset(0, 5) = "=sum(R1C:R[-1]C)"
End Sub