เนื่องจากแต่ละเดือนจำนวนวันไม่เท่ากัน จากข้อ 1 จะเห็นว่าเป็นการเขียนสูตรให้แสดงวันที่ 30 ของอีก 1 ปี 10 เดือนข้างหน้า และเนื่องจาก 1 ปี 10 เดือนข้างหน้าเป็นเดือน ก.พ. ซึ่งจะแสดงวันที่ 30 ไม่ได้
เมื่อเราต้องการให้แสดงวันที่ 30 ของเดือน ก.พ. ที่มีวันเพียง 28 วัน โปรแกรมจึงแปลงให้เป็นวันที่ 2 ของเดือน มี.ค. (30-28=2) จะสังเกตเห็นว่าหากวันที่ที่เรากำหนดในฟังก์ชั่น Date มากกว่าวันที่ที่อาจจะมีได้ในเดือนนั้น โปรแกรมจะขยับเดือนเพิ่มให้อัตโนมัติ ในส่วนของเดือนก็เช่นเดียวกัน ถ้าเราบวกเพิ่มมากกว่า 12 เดือน โปรแกรมก็จะไปเพิ่มปีให้อัตโนมัติครับ
เช่นเดียวกันกับกรณีที่ 2 เราลดจำนวนวันไป 2 เดือนและผลลัพธ์คือเดือน พ.ย. หากเรากำหนดวันที่เป็น 31 พ.ย. โปรแกรมก็จะแปลงให้เป็นวันที่ 1 เดือน ธ.ค. เพราะแสดงผลลัพธ์เป็นวันที่ 31 พ.ย. ไม่ได้
การนับวัน เดือน ปี ของโปรแกรมจะนับด้วยตรรกะของโปรแกรม ซึ่ง 1 เดือน อาจจะเป็น 30 หรือ 31 หรือ 28 หรือ 29 แล้วแต่ว่าไปตกในช่วงปีใด เดือนใด จึงควรระวังในการเขียนสูตรแบบบังคับวัน การเขียนสูตรเพื่อปรับค่าให้เป็นไปตามที่เราต้องการให้แสดงจึงอาจจะต้องใช้เทคนิคการ
หาวันที่สุดท้ายมาช่วย ยกตัวอย่างเช่น
B1 คีย์
=DATE(YEAR(A1)+1,MONTH(A1)+10,IF(DAY(A1)>DAY(DATE(YEAR(A1)+1,MONTH(A1)+11,0)),DAY(DATE(YEAR(A1)+1,MONTH(A1)+11,0)),DAY(A1)))
Enter
B2 คีย์
=DATE(YEAR(A2),MONTH(A2)-2,IF(DAY(A2)>DAY(DATE(YEAR(A2)+1,MONTH(A2)-1,0)),DAY(DATE(YEAR(A2)+1,MONTH(A2)-1,0)),DAY(A2)))
Enter
Note: สูตรการหาวันที่สุดท้ายของเดือนปัจจุบัน Day(Date(Year(Today()),Month(Today())+1,0))