ตรวจสอบและปรับปรุงไฟล์ Excel ให้เร็วและเสถียรด้วย File Anatomy Add-in
เครื่องมือนี้ช่วยวิเคราะห์โครงสร้างไฟล์อย่างละเอียด เช่น สูตร, ลิงก์, PivotTable, Styles และ Objects
พร้อมฟังก์ชันล้างสิ่งเกินจำเป็นที่ทำให้ไฟล์ช้า หรือเสียหายได้ในคลิกเดียว
เหมาะสำหรับผู้ใช้ Excel ที่ต้องการควบคุมคุณภาพไฟล์อย่างมืออาชีพ
ทดลองใช้ Add-in
snasui.com ยินดีต้อนรับ 
สมาชิกท่านใดที่ยังไม่ได้ระบุ Version ของ Excel ที่ใช้งานจริง สามารถทำตาม Link นี้เพื่อจะได้รับคำตอบที่ตรงกับ Version ของท่านครับ 
ระบุ Version ของ Excel 
โปรดทราบ สมัครสมาชิก
Login ผ่าน Facebook Reset รหัสผ่าน ติดต่อผู้ดูแลระบบ ตั้งค่าส่วนตัว วิธีการตั้งและตอบกระทู้ จัดรูปแบบตัวอักษร กำหนดขนาดตัวอักษรใน Browser
คำแสดงเจตนา[code] และปิดด้วย [/code] ตัวอย่างเช่น [code]dim r as range[/code] เพื่อให้แตกต่างจากข้อความทั่วไป สะดวกในการอ่านและทดสอบ (คลิกเพื่อดูตัวอย่าง)Code: Select all
Sub Macro2()
Dim r As Range
For Each r In Selection
r.Value = Replace(r.Value, ".", "")
Next r
End Subก่อนรันมาโครจะต้องเลือกช่วงเซลล์ที่ต้องการจะแทนที่ก่อนครับ เพราะผมเดาเอาจากภาพที่คุณ janesit แนบมาด้านบนแล้วก็เลยเขียนโค้ดไปแบบนั้น คือเลือกก่อนแล้วค่อยรันมาโคร เช่นjanesit wrote:มันค้างนานมากและโปรแกรมก็ขึ้น not responding
ไม่ทราบต้องแก้อย่างไรคะ เพราะทุกวันนี้ยังแกะ code จากการบันทึกมาโครได้แค่บางตัวเองค่ะDhitiBank wrote:มองไม่เห็นไฟล์แนบ ลองแนบมาใหม่ครับjanesit wrote:มันค้างนานมากและโปรแกรมก็ขึ้น not responding
ข้อมูลในชีท ExpVW คือข้อมูลดิบที่ยังไม่ได้ทำอะไรใช่ไหมครับjanesit wrote: ไม่ทราบต้องแก้อย่างไรคะ เพราะทุกวันนี้ยังแกะ code จากการบันทึกมาโครได้แค่บางตัวเองค่ะ
และตอนบันทึกมาโครนั้น ก็เลือก COLUMN A:A แล้วรันมาโครเลย
ส่วนคำสั่งที่แนะนำมานั้น ก็เพียงแต่ COPY แล้วมาวางต่อเลยค่ะ
***ไฟล์แนบมาแล้วนะคะ** ขอบคุณค่ะ
หากใช่ รบกวนบอกสิ่งที่ต้องการทำหน่อยครับCode: Select all
Public Sub test()
Dim lRow As Long, rAll As Range, r As Range, iCount As Long, _
sDocCode As String
With Application
.ScreenUpdating = False
.Calculation = xlCalculationManual
End With
With ActiveSheet
iCount = 0
lRow = .Range("a" & .Rows.Count).End(xlUp).Row
Set rAll = .Range("a1:a" & lRow)
For Each r In rAll
If InStr(1, r.Value, "VW") Then
sDocCode = Trim(Mid(r.Value, InStr(1, r.Value, "VW")))
End If
If IsNumeric(Trim(Mid(r.Value, 1, 5))) And Len(r.Value) = 118 Then
.Cells(iCount + 1, "b") = sDocCode
.Cells(iCount + 1, "c") = Trim(Mid(r.Value, 7, 13))
.Cells(iCount + 1, "d") = Trim(Mid(r.Value, 21, 39))
.Cells(iCount + 1, "e") = Trim(Mid(r.Value, 66, 8))
iCount = iCount + 1
End If
Next r
.Columns("a").Delete Shift:=xlLeft
.Columns("a:d").AutoFit
Set rAll = .Range("a1").CurrentRegion
rAll.RemoveDuplicates Columns:=3, Header:=xlNo
End With
With Application
.Calculation = xlCalculationAutomatic
.ScreenUpdating = True
End With
End Sub
ไม่เข้าใจตรงไหนก็ถามได้ครับDhitiBank wrote:
การจัดการข้อมูลที่นำออกมาจากโปรแกรมสำเร็จรูป (เช่น Express หรืออื่นๆ) เราอาจใช้เพียงสูตรก็ได้ครับ เพราะข้อมูลพวกนี้มักจะมีจำนวนอักขระตายตัวในแต่ละบรรทัด และแบ่งคอลัมน์ไว้ให้อยู่แล้ว (เช่นตัวอย่างของคุณ janesit รายละเอียดในบิลแต่ละรายการจะมี 118 อักขระ และข้อมูลแต่ละประเภทก็จะเริ่มในตำแหน่งเดียวกันตลอด) ทำให้สามารถสร้างสูตรไว้ล่วงหน้าอีกชีทหนึ่งได้ เวลาใช้งานก็แค่เอาข้อมูลดิบมาวางครับ
อ่านแล้วผมยังไม่ทราบว่าต้องการจะทำอะไร ลองอธิบายขั้นตอนทั้งหมดมาพอสังเขป สำหรับการเปลี่ยน จุดเป็นค่าว่างด้วย Code สามารถใช้ Replace ได้ตามที่คุณ Dhitibank ตอบไปแล้วครับ การจะใช้สูตรแทน Macro ได้หรือไม่นั้นจะต้องทราบสิ่งที่ทำทุกขั้นตอนก่อนครับ การจะใช้สูตรแทน Macro ได้หรือไม่นั้นจะต้องทราบสิ่งที่ทำทุกขั้นตอนก่อนครับ ควรแจ้งขั้นตอนของการทำงานครับ ไม่ใช่แจ้งลำดับการบันทึก Macro 
