kamahltew wrote:จะบอกว่าผมพยายามแล้วอะครับ
มันยากว่าใช้ if ซึ่งแปลความหมายง่ายกว่า

ฟังก์ชั่น If ไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อใช้ในทุกสถานการณ์ครับ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีฟังก์ชั่นอีกจำนวนมากเพื่อรองรับการใช้งานในรูปแบบต่าง ๆ
รบกวนช่วยแปลสูตรแบบเป็นคำอ่านสักตัวอย่างได้ไหมครับ เพราะจะได้สามารถนำไปประยุกต์ได้ด้วย
ไม่งั้น นำไปใช้เองไม่ได้แน่เลย
ยกตัวอย่างในงานของผมที่พี่แนะนำมานะครับ
=INDEX(Y_Value_2,MATCH(P3,$H$3:$H$5,0),MATCH(Q$2,$I$2:$N$2,0))
ความหมายของสูตรคือจากตาราง Y_Value_2 ให้นำค่าในบรรทัดที่เป็นผลลัพธ์ของสูตร MATCH(P3,$H$3:$H$5,0) และในคอลัมน์ที่เป็นผลลัพธ์ของสูตร MATCH(Q$2,$I$2:$N$2,0) มาแสดง เป็นการมองที่จุดตัดของบรรทัดและคอลัมน์
และอีกข้อถามว่าอันนี้ไม่เห็นเหมือนรูปแบบ สูตร Index เลยครับ
=INDEX(O16:O21,O2)
สูตรนี้เป็นการใช้ Index แบบย่อส่วน โดยละส่วนที่เป็นคอลัมน์เอาไว้ ความหมายคือ จากช่วงข้อมูล O16:O21 ให้นำลำดับที่เป็นค่าในเซลล์ O2 มาแสดง