EXCEL TOOLS
Excel Add-ins ที่พัฒนาโดยคุณสันติพงศ์ ณสุย (MVP Excel 2010-2020) ด้วยภาษา C# เพื่อแก้ไขปัญหาไฟล์ใหญ่ คำนวณนาน ทำงานช้า จัดการข้อมูลต่าง ๆ ที่ทำงานประจำวันได้อย่างสะดวกรวดเร็ว สนใจคลิกไปดูได้ที่นี่ครับ => Excel Tools
Excel Add-ins ที่พัฒนาโดยคุณสันติพงศ์ ณสุย (MVP Excel 2010-2020) ด้วยภาษา C# เพื่อแก้ไขปัญหาไฟล์ใหญ่ คำนวณนาน ทำงานช้า จัดการข้อมูลต่าง ๆ ที่ทำงานประจำวันได้อย่างสะดวกรวดเร็ว สนใจคลิกไปดูได้ที่นี่ครับ => Excel Tools
[code]
และปิดด้วย [/code]
ตัวอย่างเช่น [code]dim r as range[/code]
เพื่อให้แตกต่างจากข้อความทั่วไป สะดวกในการอ่านและทดสอบ (คลิกเพื่อดูตัวอย่าง)ตรง ที่เขียนว่า (" ' "& ......... &" ' !a5")INDIRECT("'"&$B$1&"'!a5")
พอเข้าใจแล้วครับ ขอบคุณมากครับlogic wrote:ขออธิบายตามที่พอรู้มาครับ
ข้อ 1 ใช้ครอบชื่อชีต สังเกตเวลาเราอ้างชีตในสูตรที่คีย์แบบมีตัวเลขปน มีวรรคปนโปรแกรมจะแปลงให้มีเครื่องหมาย ' ' ครอบชื่อชีตอัตโนมัติ เข้าใจว่าอาจารย์เขียนดักไว้ล่วงหน้า
ข้อ 2 เป็นตำแหน่งเซลล์
ข้อ 1 เข้าใจถูกต้องแล้วครับpeepoman wrote:ผมมีคำถามเพิ่มเติมครับ
1. ที่อาจารย์ใช้ สูตร =OFFSET(INDIRECT("'"&$B$1&"'!a5"),ROWS(A$5:A5)-1,COLUMNS($A5:A5)-1) เพราะว่าในสูตร INDIRECT นั้นมันไม่สามารถลาก copy แล้วให้เปลี่ยนเป็นเซลถัดไปตามที่เรา copy ใช่ไหมครับ เพราะจริงๆ แล้วผมสามารถใช้สูตร =INDIRECT("'"&$B$1&"'!a5" ใน cell A5 ได้เลย เพียงแต่ว่าเวลาลากแล้วมันไม่เปลี่ยนเป็น A6 A7 ตามใช่ไหมครับ
2. ทำไมในสูตร offset ที่ใช้ช่วงระหว่าง ROWS(A$5:A5)-1 ต้องมี -1 ครับเพราะอะไรครับ
=offset(reference,rows,cols,height,width)
ศึกษางานลักษณะนี้ได้จาก Link นี้ครับpeepoman wrote:ขอสอบถามเพิ่มเติมครับ ในกรณีสลับกันครับ ถ้าสมมุติว่าผมกรอกข้อมูลจาก Sheet แรกโดยซื่อร้าน และให้ข้อมูลใน Row นั้นทั้งหมดไปบันทึกลงใน Sheet ของซื่อร้านนั้นๆ เลยแบบนี้ต้องใช้สูตรแบบไหนครับ