Excel Forum

ช่องใน column F เป็น Text ครับ
(คือมีการใส่ , และ .00 ลงไปในเนื้อสูตรด้วย)
ทำให้ไม่สามารถ Sum ได้

จะต้องแปลงให้เป็นตัวเลข แล้วค่อยจัดรูปแบบให้เป็น #,##0.00 แทนครับ

กรณีนี้ จำเป็นต้อง Enable iterative calculation ขึ้นมาก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิด Error Curcular Cell References และสมมุติว่า Cell ที่ต้องการป้อนข้อมูลคือ A1 และ Cell ที่ต้องการ บันทึก Date Stamp คือ C1 ภายใต้เงื่อนไขว่า ให้บันทึกวันที่ เมื่อ A1 ไม่เท่ากับ 0 สูตรของ C1 จะเป็น =IF(C1=0,IF(A1<>0,TODAY...

ผมเขียนสูตรแบบช่องเดียวจบไม่ได้ เลยใช้ช่องอื่น ๆ ช่วยในการคำนวณแต่ละขั้นแทนครับ

ถ้าสามารถใช้เป็น Incell Chart ได้ ก็น่าจะประมาณแบบเดียวกับไฟล์แนบครับ :) หลักการคร่าว ๆ คือ ทำการ Sort ข้อมูลด้วยสูตรก่อน โดยที่ข้อมูลแต่ละตัว จะมี Color Code กำกับ (เพื่อให้เรารู้ว่าแต่ละชุดข้อมูล เราจะใช้สีอะไร และเอาไปส่งต่อให้กับ Condition Format อีกที) จากนั้นจึงค่อยใช้ Condition Format เพื่อระ...

เนื่องจากชุดข้อมูล มีลักษณะที่ไม่สมบูรณ์ (เลข PO ไม่ Uniq) ดังนั้นในมุมมองผม การดึงข้อมูลจาก PO อย่างเดียวอาจจะไม่เหมาะสม เลยใช้วิธีการกำหนดช่วงข้อมูล โดยใช้วันที่เป็นหลัก (ดังนั้นโดยพื้นฐาน ข้อมูลจะต้องมีการเรียงลำดับ วันที่ และ เลขที่ PO ด้วยจึงจะใช้งานได้) D.Count หมายถึงการนับว่า วันที่ที่ระบุมี...

ผมชอบใช้เขียนสูตรเพื่อดึงไปแล้วใช้ Indirect อ้างอิงกลับมาตามในไฟล์แนบ
แต่สิ่งที่ต้องระวัง เหมือนว่าฐานข้อมูลจะมีความไม่สมบูรณ์อยู่ (และการใช้ไฟล์
ที่เขียน จะต้องระบุวันที่ ก่อนจึงจะเลือก PO ที่ต้องการได้ครับ)

ที่ G2
=IF(COUNTIF(D$1:D2,D2)=1,MIN(IF($D:$D=D2,$C:$C)),"")

แล้วกด Ctrl-Shif-Enter เพื่อให้เป็น Array Formula (แต่การคำนวณจะช้ามาก)

หรือจะใช้แค่ =MIN(IF($D:$D=D2,$C:$C))
แล้วกด Ctrl-Shif-Enter หากต้องการให้คำนวณเร็วขึ้น (แต่จะแสดงผลในทุกบรรทัด)

แล้ว Copy ลงทุกบรรทัดครับ

แต่ถ้าสามารถปรับโครงสร้างข้อมูล และหน้ารายงานให้เหมือนกันได้
สูตร C4 จะเป็น (หลังจาก Insert row จาก C2 จะกลายเป็น C4)
(ABC = B เหมือนเดิมนะครับ)

=CHAR(ROUND(-0.01+
(IFERROR(CODE('1'!C4),0)+
IFERROR(CODE('2'!C4),0)+
IFERROR(CODE('3'!C4),0)
)/LEN(
'1'!C4&
'2'!C4&
'3'!C4
),0))

คำตอบของผมอาจจะไม่ตรงกับที่ต้องการนะครับ เนื่องจาก ถ้ากรอกคะแนนเป็น A B C ผมจะคำนวณ ออกมาเป็น B (คือใช้วิธี Average ) สูตรช่อง C2 =CHAR(ROUND( ( IFERROR(CODE(INDEX('1'!$1:$100000,MATCH($B2,'1'!$B:$B,0),COLUMN(C$1))),0)+ IFERROR(CODE(INDEX('2'!$1:$100000,MATCH($B2,'2'!$B:$B,0),COLUMN(C$1))),0)+ IFERR...

กรณีการเปรียบเทียบ String ใน Google Sheet จะไม่สนใจ . และ Space ครับ
ดังนั้นในกรณีนี้ จะเป็นเสมือนเทียบตัวอักษร 2121 ในทุก ๆ cell

ถ้าใช้ Excel 2019 หรือ 2016 (รุ่นที่ใช้ร่วมกับ O365)
จะมี Function TextJoin ซึ่งสามารถนำมาใช้ในกรณีนี้ได้ครับ

ลองศึกษาจาก Link นี้ดู
https://exceljet.net/formula/translate- ... to-numbers

หรืออีกกรณีคือการเขียน VBA เป็น UDF แล้วค่อยนำไปใช้ต่อ

...ผมไม่ใช่อาจารย์ครับ...

มองไม่เห็น # อย่างที่แจ้ง แต่เดาว่าเป็น Ascii-160 ให้ลองเปลี่ยนสูตรเป็น
=SUBSTITUTE(C4,CHAR(160),"")

ดูว่าได้ผลหรือไม่นะครับ

ที่ E2
=INDEX(A:A,MATCH(B2&"*",A:A,0))

หมายเหตุ : ไม่แน่ใจว่าผมเข้าใจตรงตามที่ต้องการหรือไม่นะครับ

ถึงจะทำจนสำเร็จไปแล้ว
แต่ก็อยากเสนอวิธีอื่น ๆ ให้ลองครับ ^_^

ส่วนอันนี้ เป็นอีกแบบครับ
ผมทดสอบที่ 800,000 บรรทัด ก็ไม่ช้า
แต่อาจจะเป็นเพราะข้อมูลดิบมีน้อยจึงทำให้
การคำนวณเร็วกว่าที่ควรจะเป็น

ลองดูอีกทีครับว่าเร็วขึ้นหรือไม่

ผมใช้ Index , Match , Indirect
ลองดูครับว่า เร็วขึ้นกว่าเดิมหรือไม่

ลองดูนะครับ

ถ้าสามารถให้เพิ่มการใช้งานอีก Column ได้ สูตรจะเป็นตามไฟล์แนบครับ