Snasui Excel Forum

ในไฟล์ตัวอย่างที่แนบมานะครับ ตอนนี้เป็นโครงสร้างคร่าวๆอยู่ครับ เพราะเงื่อนไขการชำระยังมีอีกแต่ผมกำลังหาวิธีเขียนคำสั่งค่าปรับอยู่ครับ
รหัสลูกค้ามี4คนดังนี้ครับ
22-001-2
22-002-2
22-003-2
22-004-2

ในsheet form01--แบบฟอร์มเอาไว้คีย์รหัสลูกค้าแล้วขึ้นข้อมูลค่าปรับ มีการค้าง
ในsheet payment_date---เอาไว้ใส่กำหนดวันชำระของลูกค้า
ในsheet get_money--- เอาไว้ใส่จำนวนเงินที่ลูกค้าส่งมา (มีกรณีลูกค้าส่งผ่านธนาณัติมาแต่ไม่เต็มงวด ทางผมจะยังไม่นำมาหักค่างวดจึงมีค่าเท่ากับค้างจ่าย แต่เค้า(บริษัท)ให้เรียกว่า จ่ายไม่เต็มงวด)
ในsheet check_payment ---เป็นส่วนเอาไว้เช็คเงื่อนไขว่า เลยกำหนดไหม เลยแล้วมีการจ่ายไหม การจ่ายเต็มงวดหรือไม่

ทีนี้ผมสงสัยว่า ถ้าเช็คได้ว่ามีการค้างตั้งแต่2งวดขึ้นไป จะรู้ได้ไงว่างวดไหน วันที่เก่าสุดครับ เพราะอัตราค่าปรับไม่เท่ากัน
ยกตัวอย่าง ค้างค่างวด มค จะมีอัตราค่าปรับ "ค่างวด*1.5%"
แต่ถ้าค้างค่างวด 2งวด เดือน มค จะใช้อัตราค่าปรับ "(ค่างวดเดือนแรก*3%)+(ค่างวดเดือนล่าสุด*1.5%)"
น่ะครับ

sdmania wrote: แต่ถ้าค้างค่างวด 2งวด เดือน มค จะใช้อัตราค่าปรับ "(ค่างวดเดือนแรก*3%)+(ค่างวดเดือนล่าสุด*1.5%)"
น่ะครับ

ขอแก้ไขครับ ผมอธิบายผิดครับ ถ้าค้าง1งวด เอาค่างวด*1.5%=ค่าปรับ
ถ้าค้าง 2 งวด เอาเดือนที่เก่าสุด เช่น ค้าง ม.ค. กับ ก.พ. ก็ให้เอา ม.ค.*3% ก.พ.*1.5% รวมกันเป็นค่าปรับ2เดือน

ถ้าค้าง 3 งวด เอาเดือนที่ค้างลำดับหนึ่ง คูณ 4.5%+เดือนที่ค้างที่ลำดับสองคูณ3%+เดือนที่ค้างลำดับสามคูณ1.5%

สรุปแล้ว ค่าปรับ มันจะต้องเพิ่มไปงวดละ 1.5%ครับ

ควรปรับข้อมูลให้เป็น Database ครับ เพื่อให้ง่ายต่อการหาผลลัพธ์ ผมทำตัวอย่างมาให้แล้วตามชีทที่ระบายสีไว้ให้ ลองดูในไฟล์แนบครับ

ขอบคุณครับอาจารย์

ผมมีคำถามครับ กรณีลูกค้า60งวด มีประมาณ200คน กลุ่มอื่นๆผมกะคร่าวๆว่ากลุ่มระหว่างตั้งแต่12งวดขึ้นมาแต่ไม่เกิน36 น่าจะ300กว่าคน ยอดลูกค้าตอนนี้น่าจะ800ครับ แถวของexcel จะรองรับข้อมูลหมดไหมครับ

เดี๋ยววันนี้ผมกำลังหาข้อสรุปต่อการปรับ และเงื่อนไขต่างๆที่เกิดจากบุคคลเอาไว้มาถามครับ ตอนนี้ปวดหัวมากเลยแหะๆๆ
ยกตัวอย่างเช่น เกณฑ์การปรับ ถ้าค้าง2งวด ต้องรอค่าปรับค่างวดทั้งหมดทีเดียว แต่มีลูกค้าบางคนขอผ่อนผันส่งค่าปรับทั้งหมดแต่ค่างวดส่งมางวดเดียว ก็ได้ครับ

**เพิ่งทราบเมื่อวานว่า เมื่อค่าปรับค้าง3งวด จะมีการออก จ.ม.ซึ่งค่าจดหมายจะถือเป็นค่าติดตามลูกค้าต้องเสียประมาณ200 จ.ม.นี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของพนักงานติดตาม การตั้งเงื่อนไขให้excel จะพอยืดหยุ่นไหวไหมครับเพราะดูแล้ว
ค่อนข้างอิงความยืดหยุ่นของบุคคลมากกว่าหลักเกณฑ์

ไฟล์ที่แนบมาได้มาจากบอร์ดนี้ครับ แต่ขออภัยจริงๆผมจำกระทู้ไม่ได้ ผมเห็นว่าน่าจะนำมาประยุกต์ได้ เลยsaveตัวอย่างเอาไว้ก่อนครับ

ในsheetรายงาน ในคอลัมภ์A ที่อาจารย์ใส่เงื่อนไข
=IF(N($A16),LOOKUP($A16,ข้อมูล!$G:$G,ข้อมูล!C:C),"")
ขออาจารย์ช่วยแปลหน่อยครับ ช่วง N($A16)นี่หมายความว่ายังไงครับแล้ว Nนี่เป็นฟังก์ชั่น เอาไว้ทำอะไรครับ

สำหรับปริมาณข้อมูลนั้น ดูจากปริมาณคร่าว ๆ คิดว่า Excel 2003 พอจะรับไหวครับ และหากเป็น Excel 2007 ขึ้นไปก็สามารถรองรับปริมาณข้อมูลได้อย่างแน่นอนครับ

ส่วนฟังก์ชั่น N() จะเป็นการแปลงค่าที่ต้องการเป็นตัวเลข สามาถดูเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ http://office.microsoft.com/th-th/excel ... P005204211

จากสูตร

=IF(N($A16),LOOKUP($A16,ข้อมูล!$G:$G,ข้อมูล!C:C),"")

หมายความว่า หากผลลัพธ์จาก N($A16) ไม่เป็น 0 แล้วให้แสดงผลลัพธ์จาก LOOKUP($A16,ข้อมูล!$G:$G,ข้อมูล!C:C) แต่หากเป็น 0 ให้แสดงค่าว่าง

เอ ผมว่าผมแนบไฟล์ไปแล้วนา

อันนี้คือไฟล์แนบ ที่อาจารย์ช่วยหา และนับจำนวนงานที่ทำของแต่ละรหัสพนักงานครับ

ผมคิดว่าจะใช้การค้นหารหัสลูกค้า เพื่อนับจำนวนงวดที่ค้าง จ่ายไม่เต็มงวด มาขึ้นโชว์ครับ