Snasui Excel Forum

สวัสดีคับผมเป็นสมาชิกน้องใหม่ ผมเลยอยากขอความช่วยเหลือหน่อยคับ
คือ ผมอยากจะเอาสูตรการสุ่มของพี่ไปใช้ในงานวิจัยของผม แต่ผมไม่เข้าใจในสุตรที่พี่เขียน
เลยอยากให้พี่ช่วยอธิบายอย่างละเอียดหน่อยคับ

และอีกอย่างนึงคือระหว่างสูตร
การสุ่มโดยไม่เอาค่าซ้ำอย่างง่าย (http://snasui.blogspot.com/2009/12/blog-post_7858.html) กับ
การสุ่มโดยไม่เอาค่าซ้ำแบบ Advanced (http://snasui.blogspot.com/2010/07/advanced.html)

แบบไหนดีกว่ากันคับและมีข้อดีข้อเสียอย่างไรคับ ถ้าพี่ไม่สะดวกอธิบายในนี้ ก็ขอให้พี่ส่งมาอธิบายใน mail ผมคับ (tawatchaisuratanee@hotmail.com)


ขอบคุณมากคับ

ผมสะดวกอธิบายที่นี่ที่สุดแล้วครับ เพื่อน ๆ จะได้ทราบไปด้วยกัน

การสุ่มแบบ Advanced กับการสุ่มแบบง่ายนั้น ที่น่าใช้และสะดวกกว่าคือแบบง่ายครับ เนื่องจากเป็นสูตรไม่ซับซ้อน แต่แบบ Advanced นั้นต้องเข้าใจสูตร Array เป็นอย่างดีจึงจะเหมาะแก่การนำไปใช้

แบบไหนดีกว่ากันนั้นผลลัพธ์ทั้งสองวิธีให้ผลลัพธ์ที่เป็นการสุ่มเหมือนกันครับ จีงไม่น่าจะมีวิธีไหนดีกว่าสำหรับการให้ผลลัพธ์

ข้อดีของแบบง่ายคือ
1. ใช้สูตรง่าย ๆ เข้าใจง่าย
2. คำนวณได้รวดเร็ว

ข้อเสีย
1. ใช้พื้นที่เซลล์มากกว่า

ข้อดีแบบ Addvanced คือ
1. ประหยัดพื้นที่เซลล์

ข้อเสียคือ
1. สูตรยาก ต้องเข้าใจสูตรแบบ Array
2. หากข้อมูลที่ต้องการสุ่มมากขึ้นต้องเสียเวลาคำนวณนาน

จากวิธีการสุ่มโดยไม่เอาค่าซ้ำอย่างง่าย (ตามที่ผมเข้าใจนะคับช่วยแนะให้ทีคับถ้าผิดพลาดประการใด)

โดยงานที่ผมจะเอาไปใช้ คือ เอาไปสุ่มเลือกคนที่จะตอบแบบสอบถามจำนวน 394 จากทั้งหมด 3414 คน

1. ที่ B2 คีย์

=Rand() > Copy ลงไปถึง B20 คือ ตัวบอกค่าความน่าจะเป็นโดยการสุ่มในแต่ละตัว โดยค่ามีตั้งแต่1.00-0.00

2. ที่ C2 คีย์

=Rank(B2,$B$2:$B$20) > Copy ลงไปถึง C20 คือ เป็นการจัดลำดับที่ โดยการบอกลำดับที่ของตัวเลขในแถวที่เลือก โดยคิดจากค่า Rand()

3. ที่ D2 คีย์

=Index($A$2:$A$20,Match(Rows($D$2:D2),$C$2:$C$20,0)) ตัวนี้ผมไม่เข้าใจคับช่วยอธิบายทีคับ

Enter > Copy ลงไปด้านล่างถึง D11

ลองกดแป้น F9 สังเกตการเปลี่ยนแปลง

ผิดถูกอย่างไรช่วยอธิบายทีคับ
ขอบคุณมากคับ

อ่านเฉย ๆ จะมองไม่เห็นภาพครับ คุณลองทำข้อมูลขึ้นมาเลียนแบบ แล้วจะเห็นว่าข้อมูลมาแสดงอย่างไร สำหรับ

=Index($A$2:$A$20,Match(Rows($D$2:D2),$C$2:$C$20,0))

หมายความว่า จากช่วง $A$2:$A$20 ให้นำลำดับที่ที่ได้จากผลลัพธ์ของสูตร Match(Rows($D$2:D2),$C$2:$C$20,0) มาแสดง

สูตร Match(Rows($D$2:D2),$C$2:$C$20,0) หมายความว่า ให้หาค่าว่าผลลัพธ์ของ Rows($D$2:D2) อยู่ในลำดับที่เท่าไรในช่วง $C$2:$C$20

และสูตร Rows($D$2:D2) คือจำนวนบรรทัดระหว่าง $D$2:D2 นั้นคือ 1 บรรทัด สังเกตว่า D ตัวที่สองไม่มีเครื่องหมาย $ นำหน้า นั่นหมายความว่าเมื่อ Copy ค่าลงด้านล่างจะเป็น D3, D4, D5... ไปเรื่อย ๆ