Excel Forum

ขอความช่วยเหลือครับ

ต้องการให้ Combo Box ฝังอยู่ในเซลล์ A2 (สมมุติ)และให้มีขนาตัวหนังสือเท่ากับที่เรากำหนดไว้ในเซลล์ A2 (สมมุติ)นั้นเลยครับ บอกทีละขั้นตอนด้วยครับ

อภิชาติ
22 ก.พ.2553

ช่วยอธิบายให้ชัดเจนอีกหน่อยครับ ฝัง Combo box แล้วให้แสดงตัวหนังสือขนาดเท่ากับที่กำหนดในเซลล์ ย่อมไม่สามารถทำได้ครับ เพราะในเซลล์สามารถกำหนดขนาดตัวหนังสือได้ ส่วนใน Combo box ไม่สามารถกำหนดขนาดตัวหนังสือได้

ถ้าระบุวัตถุประสงค์การใช้งานมาด้วยก็จะดีครับ เพื่อจะได้หาวิธีการอื่น ๆ มาช่วยแทน

ต้องการให้ Combo Box ฝังอยู่ในเซลล์J4
แล้วเวลาเราคลิ้กเลือกคำว่า Banana มันจะปรากฎ Banana สีน้ำเงินพื้นสีฟ้า
ในช่องเซลล์ J4และขนาดความสูงตัวอักษรเท่ากับ Cordia New26ด้วย

ดูไฟล์ที่แนบมาด้วยครับผม

สามารถใช้ Validation เพื่อให้สามารถเลือกจากเซลล์ได้ครับ หากใช้ Combo box จะต้องเพิ่มขั้นตอนเพื่อให้ค่าที่เลือกมาแสดงในเซลล์ ซึ่งใช้ Validation สะดวกกว่า สำหรับวิธีการดูตามภาพที่แนบมาด้านล่างครับ

กรณีตัวอักษรที่มีขนาดเล็ก ไม่ว่าจะเป็น Combo box หรือ Validation หากมีการย่อขนาดของโปรแกรมไว้ก็จะทำให้ตัวอักษรเล็ก ทางแก้ไขที่ทำได้คือต้องยกเลิกการย่อขนาด หรือปรับการย่อให้เป็น 100%

ลองตามนี้
กดแป้น Ctrl ค้างไว้ แล้วเลื่อน Scroll Mouse ไปด้านหน้าและหลัง > สังเกตการเปลี่ยนแปลง หรือหากต้องการปรับการย่อด้วยเมนูให้เข้าไปที่เมนู View > Zoom ปรับขนาดตามต้องการ

สำหรับการปรับขนาดในไฟล์ที่แนบมานั้นอยู่ที่ 75% จึงส่งผลให้ List ในเซลล์ J4 ดูเล็กมากครับ

ขอขอบพระคุณอย่างสูงครับ

ขอเพิ่มอีกคำถามนึงเรื่องของ List Up ครับผม
คืออยากได้รายการผลไม้ที่ได้ใช้กลยุทธ์ตาม input1 และ input2 ครับ
โปรดดูไฟล์ที่แนบครับ

apichart2007 wrote:ขอขอบพระคุณอย่างสูงครับ

ขอเพิ่มอีกคำถามนึงเรื่องของ List Up ครับผม
คืออยากได้รายการผลไม้ที่ได้ใช้กลยุทธ์ตาม input1 และ input2 ครับ
โปรดดูไฟล์ที่แนบครับ

สามารถหาข้อมูลด้วยสูตร Array ครับ ดูตัวอย่างจากไฟล์แนบครับ

1. I12 คีย์สูตรเพื่อนับค่าที่ได้ตามเงื่อนไข

=SUMPRODUCT(--(E4:E10=J3),--(F4:F10=J4))

Enter

2. E15 คีย์สูตรเพื่อ List ข้อมูลตามเงื่อนไข

=IF(ROWS(E$15:E15)>$I$12,"",INDEX(A$4:A$10,SMALL(IF($E$4:$E$10=$J$3,IF($F$4:$F$10=$J$4,ROW($A$4:$A$10)-ROW($A$4)+1)),ROWS(E$15:E15))))

Ctrl+Shift+Enter > Copy ไปทางขวาและลงด้านล่าง

อยากได้คำอธิบายครับ

เซลล์ E15=IF(ROWS(E$15:E15)>$I$12,"",INDEX(A$4:A$10,SMALL(IF($E$4:$E$10=$J$3,IF($F$4:$F$10=$J$4,ROW($A$4:$A$10)-ROW($A$4)+1)),ROWS(E$15:E15))))

โดยเฉพาะช่วงที่ระบายสีตั้งแต่ SMALL(IF($E$4:$E$10=$J$3,IF($F$4:$F$10=$J$4,ROW($A$4:$A$10)-ROW($A$4)+1)),ROWS(E$15:E15))))

ขอบคุณครับ

apichart2007 wrote:อยากได้คำอธิบายครับ

เซลล์ E15=IF(ROWS(E$15:E15)>$I$12,"",INDEX(A$4:A$10,SMALL(IF($E$4:$E$10=$J$3,IF($F$4:$F$10=$J$4,ROW($A$4:$A$10)-ROW($A$4)+1)),ROWS(E$15:E15))))

โดยเฉพาะช่วงที่ระบายสีตั้งแต่ SMALL(IF($E$4:$E$10=$J$3,IF($F$4:$F$10=$J$4,ROW($A$4:$A$10)-ROW($A$4)+1)),ROWS(E$15:E15))))

ขอบคุณครับ

ตามสูตรนี้สูตรนอกสุดคือ Small เป็นการหาค่าที่น้อยที่สุดตามลำดับที่กำหนด ซึ่งลำดับที่กำหนดคือ ROWS(E$15:E15) ซึ่งมีผลลัพธ์เป็น 1 หมายความว่าค่าที่น้อยที่สุดเป็นลำดับที่ 1

หากลากลงไปอีกบรรทัดจะได้เป็น ROWS(E$15:E16) มีผลลัพธ์เป็น 2 นั่นหมายความว่าให้ค่าน้อยที่สุดเป็นลำดับที่ 2
===================================================

การหาค่าน้อยที่สุดตามสูตร SMALL(IF($E$4:$E$10=$J$3,IF($F$4:$F$10=$J$4,ROW($A$4:$A$10)-ROW($A$4)+1)),ROWS(E$15:E15)))) เป็นการหาค่าน้อยที่สุดตามเงื่อนไข 2 เงื่อนไข
1. $E$4:$E$10=$J$3
2. $F$4:$F$10=$J$4

หากเข้าทั้งสอง 2 เงื่อนไขด้านบนแล้วจะให้ผลลัพธ์เป็น True ไม่เข้าเงื่อนไขจะให้ผลลัพธ์เป็น False

การแกะสูตรสามารถลากเมาส์คลุมช่วงข้อมูลที่ต้องการทดสอบแล้วกดปุ่ม F9 เช่น ลากคลุม $E$4:$E$10=$J$3 แล้วกดปุ่ม F9 แล้วสังเกตดูผล

A. กรณีผลลัพธ์เป็น True ให้แสดงหมายเลขลำดับ ซึ่งสูตรที่แสดงหมายเลขลำดับคือ ROW($A$4:$A$10)-ROW($A$4)+1 ซึ่งจะให้ผลลัพธ์เป็น Array เริ่มด้วย 1 เช่น {1,2,3,4,5,6,7}
B. กรณีผลลัพธ์เป็น False ค่าเลขลำดับจะกลายเป็น False

จาก A และ B หากมีทั้งเข้าเงื่อนไขและไม่เข้าเงื่อนไข จะทำให้หมายเลขลำดับมีโอกาสเป็นหมายเลขลำดับและเป็นค่า False เช่น {1,False,3,4,False,6,False} นั่นหมายความว่า เข้าเงื่อนไขแค่ 4 ลำดับ คือลำดับที่ 1, 3, 4, 6 ส่วนที่เหลือไม่เข้าเงื่อนไขจึงกลายเป็นค่า False ผลลัพธ์ที่ได้จะนำไปใช้ในสูตร Small

กรณีที่ส่วนประกอบที่สองของ Small เป็น ROWS(E$15:E17) ซึ่งมีค่าเท่ากับ 3 หมายความว่าให้นำค่าที่น้อยที่สุดเป็นลำดับที่ 3 มาแสดง

จะเห็นว่าจาก {1,False,3,4,False,6,False} ค่าที่น้อยที่สุดเป็นอันดับ 3 คือ 4 เพราะฉะนั้นผลลัพธ์จากสูตร Small จะได้ 4

Note: สูตร Array ค่อนข้างยากต่อการทำความเข้าใจต้องค่อย ๆ ศึกษา การแกะสูตรโดยการคลุมช่วงข้อมูลที่ต้องการแล้วกดแป้น F9 จะทำให้ทำความเข้าใจได้ง่ายขึ้น และก่อนแกะสูตรควรทำสูตรให้ง่ายโดยกำหนดให้มีช่วงข้อมูลน้อย ๆ ยกตัวอย่าง ช่วงข้อมูล A1:A5 จะแกะสูตรง่ายกว่า A1:A500

ขอบพระคุณอย่างสูงครับ....มันเรียงให้ตามที่ผมต้องการให้แล้วล่ะ

ขอเพิ่มอีกคำถามนึงครับ
ถ้าเราอยากจะรู้ว่าการเรียงให้ของแต่ละตัวมันมาจากลำดับบรรทัด (Row) ไหนของฐานข้อมูลของเรา
ต้องใช้สูตรอย่างไรดีครับ?

กรุณาดูไฟล์ที่แนบมครับ

เนื่องจากข้อมูลมีหลายเลขลำดับกำกับอยู่แล้ว สามารถใช้สูตร Sumproduct ตามด้านล่างหาลำดับได้ครับ

ที่ J15 คีย์

=SUMPRODUCT(--($B$4:$B$10=$F15),--($C$4:$C$10=$G15),$A$4:$A$10)

Enter > Copy ลงด้านล่าง

ได้คำตอบแล้วครับ

แต่สงสัยว่าถ้าจะใช้สูตรข้างล่างนี้
=INDEX(A4:A10,MATCH(F15&G15,B4:B10&C4:C10,1))
ทำไมมันไม่ได้คำตอบครับ? ช่วยอธิบายว่ามันผิดที่ตรงไหนครับ

ขอขอบพระคุณอย่างสูง

ที่ไม่ได้เพราะว่าการใส่ส่วนประกอบสุดท้ายของ Match เป็น 1 หรือปล่อยว่างได้นั้น B4:B10&C4:C10 จะต้องเรียงจากน้อยไปหามาก ซึ่งตามลักษณะของข้อมูลแล้วมีโอกาสเป็นไปได้ยาก การ Match ดังกล่าวเป็นการ Match ค่าแบบใกล้เคียง จึงมีข้อจำกัดว่าข้อมูลจะต้องเรียงกันจากน้อยไปหามากครับ

หากเปลี่ยนส่วนประกอบสุดท้ายเป็น 0 ซึ่งเป็นการ Match แบบค่าตรงตัว จะได้คำตอบที่ต้องการครับ

เนื่องจากฟังก์ชั่น Match ให้ผลลัพธ์เป็นค่าลำดับอยู่แล้ว ดังนั้นสามารถละ Index ไปได้ครับ ซึ่ง J15 จะเหลือแค่

=MATCH(F15&G15,$B$4:$B$10&$C$4:$C$10,0)

Ctrl+Shift+Enter > Copy ลงด้านล่าง

เข้าใจมากขึ้นมากเลยครับ....ขอบคุณมากกกกกกกครับผม