การแปลสูตรให้แปลจากด้านนอกเข้าด้านในเพื่อความเข้าใจ ส่วนการแกะสูตรให้แกะจากด้านในออกด้านนอก จากคำอธิบายนี้ให้อ่านจากด้านล่างขึ้นข้างบนจะเป็นการแกะสูตรครับ
ตัวอย่างการแปล
จากสูตร =IFERROR(INDEX(TEST!A$2:A$29,SMALL(IF(LEFT(TEST!$C$2:$C$29)<>"T",ROW(TEST!$A$2:$A$29)-ROW(TEST!$A$2)+1),ROWS(A$2:A2))),"")
แปลว่า หาก INDEX(TEST!A$2:A$29,SMALL(IF(LEFT(TEST!$C$2:$C$29)<>"T",ROW(TEST!$A$2:$A$29)-ROW(TEST!$A$2)+1),ROWS(A$2:A2))) ให้คำตอบเป็นค่าผิดพลาดให้แสดค่าว่าง แต่หากไม่เป็นค่าผิดพลาดให้แสดงคำตอบตามปกติ
จากสูตร INDEX(TEST!A$2:A$29,SMALL(IF(LEFT(TEST!$C$2:$C$29)<>"T",ROW(TEST!$A$2:$A$29)-ROW(TEST!$A$2)+1),ROWS(A$2:A2)))
แปลว่า จากช่วงข้อมูล TEST!A$2:A$29 ให้นำลำดับที่เป็นผลลัพธ์ของ SMALL(IF(LEFT(TEST!$C$2:$C$29)<>"T",ROW(TEST!$A$2:$A$29)-ROW(TEST!$A$2)+1),ROWS(A$2:A2)) มาแสดง
จากสูตร SMALL(IF(LEFT(TEST!$C$2:$C$29)<>"T",ROW(TEST!$A$2:$A$29)-ROW(TEST!$A$2)+1),ROWS(A$2:A2))
แปลว่า จากผลลลัพธ์ของ IF(LEFT(TEST!$C$2:$C$29)<>"T",ROW(TEST!$A$2:$A$29)-ROW(TEST!$A$2)+1) ให้นำลำดับที่ที่เป็นผลลัพธ์ของ ROWS(A$2:A2) มาแสดง ฟังก์ชั่น Rows ให้ผลลัพธ์เป็นจำนวนบรรทัด
จากสูตร IF(LEFT(TEST!$C$2:$C$29)<>"T",ROW(TEST!$A$2:$A$29)-ROW(TEST!$A$2)+1)
แปลว่า ถ้า LEFT(TEST!$C$2:$C$29)<>"T" เป็นจริงให้แสดงผลลัพธ์ของ ROW(TEST!$A$2:$A$29)-ROW(TEST!$A$2)+1 ซึ่งก็คือให้แสดงค่าลำดับเริ่มจาก 1
จากสูตร LEFT(TEST!$C$2:$C$29)
แปลว่าให้ตัดอักขระด้านหน้าของช่วง TEST!$C$2:$C$29 มา 1 อักขระ หากระบุเป็น Left(TEST!$C$2:$C$29,n) แปลว่าให้ตัดมา n อักขระ