Excel Forum

ช่วยผมหน่อยครับ พอดีผมอยากทำใบเบิกรับสินค้า อยากจะให้มันเป็นแบบอัตโนมัติ ที่ผมพิมพ์ข้อมูลในชีทแรกแล้ว รายละเอียดต่างๆที่พิมพ์นั้นจะไปขึ้นในชีทที่เป็นชื่อของรายการนั้นๆ
เช่น เบิกรายการ ASD 20 ชิ้น (พิมพ์ใยชีทแรก) แต่ให้ข้อมูลไปขึ้นในชีท ASD ว่าถูกเบิกไป 20 ชิ้น

ประมาณนี้ครับ ขอบพระคุณล่วงหน้ากับผู้ที่มาช่วยชีวิตผม

ไฟล์แนบครับ

อยากให้มันเป็นแบบ ชีทตัวอย่างครับ ท่านใดรู้ช่วยผมหน่อยนะครับ

ผมจะกรอกข้อมูลใน Requisition List แล้วให้มันขึ้นข้อมูลอัตโนมัติที่ ASD list ประมาณนี้อ่ะครับ

ต้องใช้สูตร array ครับ

ชีตสูตร

K6 =IFERROR(INDEX(INDEX($B$6:$H$14,0,MATCH(K$5,$B$5:$H$5,0)),SMALL(IF($C$6:$C$14=$K$3,ROW($B$6:$B$14)-ROW($B$6)+1),ROWS(K$6:K6))),"")

คัดลอกสูตรไปวางในเซลล์ --> กดแป้น f2 --> กดแป้น ctrl+shift ตามด้วย enter --> คัดลอกสูตรไปวางในเซลล์ที่เกี่ยวข้อง

ขอบคุณมากๆครับ อาจารย์ Logic

ผมอยากทราบต่อว่าทำไมต้อง กดแป้น f2 --> กดแป้น ctrl+shift ตามด้วย enter ด้วยอ่าครับ

อาจารย์ Logic ครับ

ถ้ามีเวลาว่าง อธิบายสูตรนี้ให้ผมได้ไหมครับ ขอบพระคุณอย่างสูงเลยครับ
ผมจะได้ไปประยุกต์ใช้ต่อครับ

AUTO_FOCUS wrote:ขอบคุณมากๆครับ อาจารย์ Logic

ผมอยากทราบต่อว่าทำไมต้อง กดแป้น f2 --> กดแป้น ctrl+shift ตามด้วย enter ด้วยอ่าครับ

ที่ต้องกดแป้นให้รับสูตรด้วย 3 แป้นนั้นเนื่องจากว่าเป็นสูตร Array ไม่ใช่สูตรธรรมดาทั่วไปที่จะกดเพียง Enter อย่างเดียวก็ทำงานได้ถูกต้องครับ

สำหรับคำว่า "อ่าครับ" ให้ใช้คำว่า "ครับ" แทน ฟอรัมนี้ไม่อนุญาตให้ใช้ภาษาแชทครับ

AUTO_FOCUS wrote:อาจารย์ Logic ครับ

ถ้ามีเวลาว่าง อธิบายสูตรนี้ให้ผมได้ไหมครับ ขอบพระคุณอย่างสูงเลยครับ
ผมจะได้ไปประยุกต์ใช้ต่อครับ

สูตรนั้นยากมากสำหรับมือใหม่ จะต้องเข้าใจทุกฟังก์ชั่นในสูตรให้ได้เสียก่อนครับ
จากสูตร =IFERROR(INDEX(INDEX($B$6:$H$14,0,MATCH(K$5,$B$5:$H$5,0)),SMALL(IF($C$6:$C$14=$K$3,ROW($B$6:$B$14)-ROW($B$6)+1),ROWS(K$6:K6))),"")
ฟังก์ชั่นแต่ละตัวในสูตรข้างต้นมีความหมายโดยย่อดังนี้

1. Iferror เป็นการตรวจสอบว่าค่าที่ได้เป็น Error หรือไม่
   จาก =IFERROR(INDEX(INDEX($B$6:$H$14,0,MATCH(K$5,$B$5:$H$5,0)),SMALL(IF($C$6:$C$14=$K$3,ROW($B$6:$B$14)-ROW($B$6)+1),ROWS(K$6:K6))),"")
   แปลว่า หาก INDEX(INDEX($B$6:$H$14,0,MATCH(K$5,$B$5:$H$5,0)),SMALL(IF($C$6:$C$14=$K$3,ROW($B$6:$B$14)-ROW($B$6)+1),ROWS(K$6:K6)))
   เป็นค่าผิดพลาดให้แสดงค่าว่าง
2. Index เป็นการระบุช่วงข้อมูลแล้วนำข้อมูลในบรรทัดและคอลัมน์ที่กำหนดมาแสดง
   จาก INDEX(INDEX($B$6:$H$14,0,MATCH(K$5,$B$5:$H$5,0)),SMALL(IF($C$6:$C$14=$K$3,ROW($B$6:$B$14)-ROW($B$6)+1),ROWS(K$6:K6)))
   แปลว่า จาก INDEX($B$6:$H$14,0,MATCH(K$5,$B$5:$H$5,0)) ให้นำค่าในบรรทัดที่เป็นผลลัพธ์ของ SMALL(IF($C$6:$C$14=$K$3,ROW($B$6:$B$14)-ROW($B$6)+1),ROWS(K$6:K6)) มาแสดง
3. Match เป็นการค้นหาค่าที่ต้องการจากช่วงข้อมูลหากพบจะแสดงลำดับที่พบหากไม่พบจะแสดงค่าผิดพลาด #N/A
   จาก MATCH(K$5,$B$5:$H$5,0)
   แปลว่า ให้หาว่า K$5 อยู่ในลำดับที่เท่าไรของช่วง $B$5:$H$5
4. Small เป็นการหาค่าที่น้อยที่สุดในลำดับที่กำหนด
   จาก SMALL(IF($C$6:$C$14=$K$3,ROW($B$6:$B$14)-ROW($B$6)+1),ROWS(K$6:K6))
   แปลว่า จาก IF($C$6:$C$14=$K$3,ROW($B$6:$B$14)-ROW($B$6)+1) ให้นำค่าที่น้อยที่สุดที่ได้จากสูตร ROWS(K$6:K6) มาแสดง
5. If เป็นการตรวจสอบว่าเงื่อนไขเป็นจริงหรือเท็จ
   จาก IF($C$6:$C$14=$K$3,ROW($B$6:$B$14)-ROW($B$6)+1)
   แปลว่า ถ้า $C$6:$C$14=$K$3 เป็นจริง ให้แสดงผลลัพธ์ของ ROW($B$6:$B$14)-ROW($B$6)+1 ซึ่งจะเป็นค่าลำดับเริ่มด้วย 1 เสมอ
6. Rows เป็นการนับบรรทัดในช่วงข้อมูลที่กำหนด
   จาก ROWS(K$6:K6)
   หมายถึง จำนวนบรรทัดในช่วง K$6:K6